Welcome Back ! การกลับมาของ “มาร์ติน โอเดการ์ด” คนดีคนเดิม

Welcome Back ! การกลับมาของ “มาร์ติน โอเดการ์ด” คนดีคนเดิม

แฟน ๆ อาร์เซนอลหลายคนที่เดินทางไปเชียร์ทีมรักที่รังเหย้าของทีม เบรนท์ฟอร์ด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา คงแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผากก่อนสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายจะดังเลยทีเดียวทีมของพวกเขาแพ้ 2-0 ให้กับทัพ “เดอะ บีส์” ที่เพิ่งได้รับการเลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก แถมมันยังเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่แย่มากของอาร์เซนอลด้วย สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าความพ่ายแพ้ก็คือ พวกเขาไม่มีนักเตะที่สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับทีมได้เลยในสนามชัยชนะของฝั่งเบรนท์ฟอร์ดเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าศักดิ์ศรีของ อาร์เซนอล ได้ตกต่ำลงมากเพียงใดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาพลาดโควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และมันคงเป็นเรื่องอัศจรรย์เล็กๆ น้อยๆ ที่ในปีนี้ พวกเขาจะสามารถสร้างปัญหาให้กับเหล่าทีมท็อปโฟร์ได้ในฤดูกาลนี้แม้แต่การจบอันดับที่ 7 จะยังห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่าพวกเขาเป็น “ทีมใหญ่” เพราะเนื่องจากเลสเตอร์และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส ก็ฟอร์มดีขึ้นมาก และหลายๆทีมก็ทำผลงานไล่ตามมาเพียบ หลายทีมตั้งเป้าที่จะเข้าไปเล่นใน ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ด้วยอีก เรียกว่าอาร์เซนอลมีสิทธิ์โดนทีมเล็กๆแซงหน้าได้ตลอด

แนวรับที่พร้อมจะสร้างความบรรลัยได้ทุกเมื่อ !

แนวรับที่พร้อมจะสร้างความบรรลัยได้ทุกเมื่อ !

เบน ไวท์ กองหลังพลังหนุ่มที่เพิ่งจะเซ็นสัญญาเข้ามาใหม่ ถูกตัวของ อีวาน โทนีย์ กลบหายซะมิด ยิ่งยามต้องดวลลูกกลางอากาศ ไวท์ เอาตัวของโทนีย์ไม่เคยอยู่เลย โดยเขาชนะการดวลแย่งลูกกลางอากาศเพียง 3 ครั้งจากทั้งหมด 7 ครั้งคาลัม แชมเบอร์ส ก็เล่นในตำแหน่งแบ็กขวาได้ห่วยพอๆ กันกับที่ โฟลาริน บาโลกุน ก็แสดงให้เห็นว่าเขายังเด็กน้อยมาก ยามที่ต้องตามประกบนักเตะฝั่งเบรนท์ฟอร์ด บางคนอาจจะช่วยแก้ต่างว่า เพราะเนื่องจากอาร์เซนอลขาด อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ และปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง เป็นตัวชูโรงในแดนหน้า มันเลยทำให้พวกเขาสู้เบรนท์ฟอร์ดไม่ไหวบางทีแสงสว่างที่ยังพอจะ “สดใส” เพียงอย่างเดียวในกลุ่ม 11 นักเตะตัวจริงก็คือนักเตะอย่าง เอมิล สมิธ โรว์ ผู้เล่นที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขากล้าเล่น กล้าลุยกล้าที่จะปั้นเกมจากกองกลาง เขาจ่ายบอลคีย์พาสสำเร็จ 3 ครั้ง , สัมผัสบอลได้นิ่มนวลและสร้างโอกาสได้ถึง 4 ครั้งในพื้นที่ฝ่ายตรงข้าม และจ่ายบอลไม่เข้าเป้าแค่ 2 ครั้งในเกมดังกล่าว ซึ่งมันเป็นความต่อเนื่องในการทำผลงานอันยอดเยี่ยมของ เอมิล ที่ซึ่งเขาฉายแววมาตั้งแต่ในฤดูกาลที่แล้ว และเขากำลังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงส่งของเขาอย่างต่อเนื่องแต่อย่างไรก็ตาม นักเตะวัย 21 ปีรายนี้ยังห่างไกลจากควาสมบูรณ์แบบในการเป็นหมายเลข 10 เขายังขาดการตัดสินใจที่เด็ดขาดในการยิง หรือการผ่านบอลจังหวะสุดท้าย ซึ่งมันจำเป็นสำหรับคนที่เล่นในบทบาทเพลย์เมกเกอร์ …

การกลับมาของ โอเดการ์ด

การกลับมาของ โอเดการ์ด

เนื่องจากการจากไปของ เมซุต โอซิล และ ดานี่ เซบาญอส มันเลยทำให้อาร์เซนอล จำเป็นต้องหานักเตะสไตล์เพลย์เมกเกอร์มาเสริมทัพให้สำเร็จด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ มันได้กระตุ้นให้พวกเขาไล่ล่าลายเซ็นของ เอมี่ บูเอนเดีย , เจมส์ แมดดิสัน และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาตลอด ในช่วงฤดูร้อนนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด มิเกล อาร์เตต้า ก็พลาดทั้งหมด แต่เขาก็เลือกที่จะเซ็นสัญญากับมาร์ติน โอเดการ์ดในช่วงซัมเมอร์นี้แทนแม้จะอายุเพียง 22 ปี แต่นักเตะชาวนอร์เวย์รายนี้มีโปรไฟล์ในอาชีพค้าแข้งที่น่าสนใจ เขากลายเป็นนักเตะที่ได้ขึ้นข่าวพาดหัวไปทั่วโลกเมื่อเรอัล มาดริดทุ่มเงินมหาศาลเพื่อเซ็นสัญญากับเขามาเล่นตั้งแต่อายุแค่ 16 ปีในปี 2015 และนับตั้งแต่นั้นมา เขาก็สร้างความประทับใจได้ตลอดในระหว่างการยืมตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรอัล โซเซียดาด ในช่วงฤดูกาล 2019-20การแสดงผลงานของเขาสำหรับ โซเซียดาด มันได้บอกเป็นนัยว่า เขาอาจพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด แต่ถึงแม้เขาจะปรารถนาที่จะอยู่และต่อสู้เพื่อตำแหน่งตัวจริงของเขา แต่โอกาสในการลงเล่นก็ดูยากมากที่จะตกมาถึงเขาหลังจากการยืมตัวในช่วงครึ่งฤดูกาลที่แล้วนั้น โอเดการ์ด เล่นได้ดีเกินคาด และมันก็ได้ทำให้เขาได้เซ็นสัญญาถาวรกับ อาร์เซนอล อย่างเป็นทางการแล้วมันเป็นข่าวดีมากสำหรับแฟนบอล ที่โอเดการ์ดจะกลายมาเป็นจอมทัพคนสำคัญของทีมแบบถาวร จริงอยู่ที่ว่าเขาอาจจะไม่ได้มีผลงานที่โหดสุดๆในฤดูกาลที่แล้ว แต่เขาแสดงสัญญาณให้เห็นมากมายว่า เป็นเขานี่แหละที่น่าจะช่วยบรรเทาปัญหาด้านความคิดสร้างสรรค์ในการปั้นเกมจากแดนกลางของ อาร์เซนอล ได้เขาเป็นคนกล้าเล่นและต้องการลูกบอลเสมอ เขามักจะเลือกผ่านบอลตัดแผงหลัง ทะลุช่อง ชอบเล่นเชื่อมเกมระหว่างกองหน้าและกองกลาง และมีผู้เล่นเพียง 6 คนเท่านั้นที่จ่ายบอลต่อ 90 นาทีได้มากกว่าเขาในพรีเมียร์ลีกเมื่ฤดูกาลที่แล้วเมื่อเขาได้บอล เขาก็จะคิดเร็วทำเร็วเสมอ ในช่วงเวลาของเขาเล่นกับอาร์เซนอลเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว เขาจ่ายบอลเฉลี่ยมากกว่าห้าครั้งต่อมากกว่า เจมส์ แมดดิสัน ด้วยซ้ำ และมีนักเตะแค่ 7 คนเท่านั้นที่ทำแอสซิสต์ได้มากกว่า โอเดการ์ดและตอนนี้ เขากลับมาที่อาร์เซนอลแล้ว พร้อมกับการจับจองเสื้อเบอร์ 8 สมบัติเก่าของ เซบาญอส เขาจะเล่นได้ดีแค่ไหนก็ต้องลองดูกัน !