มิเคล อาร์เตต้า กับการเตรียมพร้อมกว่า 20 ปี ก่อนจะคุมทัพ ไอ้ปืนใหญ่

อาร์เตต้า กับการเตรียมพร้อมกว่า 20 ปี ก่อนจะคุมทัพ ไอ้ปืนใหญ่

มิเคล อาร์เตต้า ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และในขณะที่หลายคนมองว่า เขาอาจจะเป็นมือใหม่ แต่มีอีกหลายต่อหลายคนที่รู้จักเขาดีบอกว่า มันเป็นช่วงเวลาที่โค้ชชาวสเปนเตรียมตัวมานานกว่า 20 ปีแล้ว

แม้ในวันแรกที่เล่นกับทีมเยาวชนของ บาร์เซโลน่า ในศึกลา ลีกา สเปน ในปี 1997 อาร์เตต้า ก็แสดงให้เห็นถึงทักษะความเป็นผู้นำที่ทำให้เขาเป็นนักเตะที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ เขาฝากชื่อเสียงของตัวเองตั้งแต่นั้นมา และยังเป็นคนที่มีอิทธิพลสำคัญของทีมทั้งในและนอกสนาม

ขณะเดียวกันการทำงานของ อาร์เต้ต้า ในบทบาท มือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้น มีความเข้าใจมานานแล้วว่า มันจะเป็นเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะได้ข้อเสนอจากทีมใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล โดยก่อนหน้านี้ อาร์เต้ต้า ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะย้ายไปคุมทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ โอลิมปิก ลียง เนื่องจากเขาคิดว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม

ในการสัมภาษณ์ล่าสุด กวาร์ดิโอล่า กล่าวถึงกรณีที่ อาร์เต้ต้า กำลังจะย้ายไปคุม อาร์เซน่อล ว่า “ทุกคนมีความฝันเป็นของตัวเอง และผมมีความปรารถนาหวังว่า เขาจะอยู่กับเราต่อไปในฤดูกาลนี้ และต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ที่สโมสรแห่งนี้”

ในความเป็นจริง กวาร์ดิโอล่า รู้ว่าผู้จัดการทีมส่วนใหญ่ไม่สามารถเลือกเวลา และสถานที่ที่จะย้ายไปทำงานได้ และ อาร์เต้ต้า บอกว่าถ้าข้อเสนอที่เหมาะสมมาถึง เขาจะอำลาถิ่นเอติฮัด สเดี้ยม ทันที และเมื่อเป็นเช่นนั้น อาร์เต้ต้า ก็ไม่สามารถปฏิเสธ อาร์เซน่อล ได้

ในการสัมภาษณ์เดียวกัน กวาร์ดิโอล่า กล่าวเสริมว่า “ด้วยความรู้เกี่ยวกับเกมฟุตบอล และจรรยาบรรณในการทำงานของเขา เขาพร้อมแน่นอน” ซึ่งมันไม่ได้เกินขอบเขตของความเป็นไปได้ที่ อาร์เต้ต้า อาจเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของ กวาร์ดิโอล่า ที่ทัพ “เรือใบสีฟ้า” ในอนาคต

กวาร์ดิโอล่า ย่อมมีอิทธิพลสำคัญต่อ อาร์เต้ต้า อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะเป็นอาจารย์ และผู้จัดการทีมชั้นนำของวงการลูกหนัง แต่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตโค้ช ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็เป็นไอดอลอีกคนที่ อาร์เต้ต้า ชื่นชอบ หลังจากที่ทั้งคู่เคยเล่นด้วยกันที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงปี 2001

ย้อนกลับไปในปี 2001 อาร์เต้ต้า ย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาเล่นกับ เปแอสเช ด้วยสัญญายืมตัว และเขาพบว่าตัวเองมีลักษณะนิสัยที่คล้ายคลึงกับ โปเช็ตติโน่ อย่างมาก ซึ่งทำให้ พอช กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ อาร์เต้ต้า พยายามลอกเลียนแบบ

โปเช็ตติโน่ ซึ่งถูกไล่ออกจาก สเปอร์ส ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น เคยช่วยสอน อาร์เต้ต้า เกี่ยวกับสิ่งที่ถูกและผิดทั้งในและนอกสนาม รวมไปถึงพฤติกรรมต่างๆ การแต่งตัว วิธีการโต้ตอบกับคู่แข่ง วิธีที่จะเอาชนะ การให้ความเคารพต่อเพื่อนร่วมทีมและวิธีการเป็นผู้นำ

ในเกมแรกของ อาร์เต้ต้า กับ เปแอสเช นั้น มันเป็นที่ชัดเจนสำหรับ โปเช็ตติโน่ ว่ากองกลางชาวสเปน คือผู้เล่นที่พร้อมที่จะรับผิดชอบทีมด้วยวัยเพียง 17 ปี ซึ่งเห็นได้จากการที่เขาอาสารับยิงฟรีคิก และลูกเซตพีซต่างๆ

โปเช็ตติโน่ กล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า “มิเคล ยอดเยี่ยมมาก ไม่เพียงแต่เพราะความสามารถของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวุฒิภาวะของเขาในสนาม และความรู้ของเขาเกี่ยวกับฟุตบอลทำให้ผมประหลาดใจมาก”

“เขาเป็นนักเตะอายุน้อยที่มีความสามารถในการพูดคุยในระดับเดียวกับผู้เล่นอายุ 30 ปี สำหรับผมเขาจะเป็นหนึ่งในโค้ชชั้นยอด เมื่อเขาตัดสินใจที่จะเป็นโค้ช เขามีความสามารถที่จะเป็นหนึ่งในโค้ชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ และแน่นอน เขาเป็นผู้มีบุคลิกยอดเยี่ยม” อดีตนายใหญ่ สเปอร์ส กล่าว

หลังจากเล่นกับ เปแอสเช ได้ 1 ซีซั่น อาร์เต้ต้า ตัดสินใจย้ายไปยังสก็อตแลนด์เพื่อเล่นกับ กลาวโกว์ เรนเจอร์ส และอีกครั้งที่ความกระตือรือร้นของเขาในสนามก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งรวมไปถึงวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำด้วย

ในเวลานั้น อดีตกองกลาง บาร์เซโลน่า อายุเพียง 19 ปี กับ 48 และเขาเป็นคนยิงจุดโทษในนาทีที่ 94 ทำให้ เรนเจอร์ส เป็นแชมป์ลีกสูงสุดแดนวิสกี้ในปี 2002-03 โดยมีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า กลาสโกว์ เซลติก เพียงลูกเดียวเท่านั้น

อาร์เต้ต้า อยู่กับ เรนเจอร์ส เป็นเวลา 2 ปี จากนั้น เขาย้ายกลับบ้านเกิดไปเล่นกับ เรอัล โซเซียดาด เป็นเวลา 1 ซีซั่น ก่อนจะย้ายมายัง เอฟเวอร์ตัน ในปี 2005 และใช้เวลาค้าแข้งกับพลพรรค “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ยาวนานถึง 6 ปี

อดีตมิดฟิลด์ บาร์ซ่า นำความคิดสร้างสรรค์มาสู่แดนกลางของ เอฟเวอร์ตัน และช่วยในการสร้างสไตล์ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดย เดวิด มอยส์ กุนซือ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ในเวลานั้น ตระหนักดีว่า อาร์เต้ต้า สามารถเข้ามายกระดับทีมของเขาได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยพัฒนาปรัชญาตามที่เขาต้องการอีกด้วย

ในปี 2011 อาร์เต้ต้า ตัดสินใจอำลา เอฟเวอร์ตัน ย้ายมาร่วมทีม อาร์เซน่อล แม้การย้ายทีมของเขาในครั้งนี้จะไม่เป็นข่าวดังมากนัก แต่เขาก็มีอิทธิพลอย่างมากกับทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” และกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส

ภายในทีม อาร์เซน่อล นั้น อาร์เต้ต้า เจอบรรยากาศห้องแต่งตัวเงียบสงบที่ไม่มีใครเต็มใจจะพูดออกมา หรือพูดอะไรที่ขัดแย้งกัน สโมสรแห่งนี้ไม่มีการโต้เถียงเชิงลบ แม้ในกรณีที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่า ปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ตาม

แต่ไม่นานหลังจากนั้น อาร์เต้ต้า พยายามพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม และ 10 วันหลังจากการเซ็นสัญญากับ “ไอ้ปืนใหญ่” และได้ลงสนามเป็นนัดแรกนั้น เขาก็ต้องพบกับความเงียบงันอีกครั้งในห้องแต่งตัวหลังเกมเสมอกับ สวอนซี 0-0

อาร์เต้ต้า พยายามพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม

อดีตแข้ง บาร์เซโลน่า ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เขาได้พูดบางอย่างในห้องแต่งตัว จากนั้นเขาหันไปมอง เวนเกอร์ ที่ยืนนิ่งสงบพร้อมมองหน้าลูกทีมคนอื่นๆ แต่ในใจของ เวนเกอร์ ตอนนั้น คิดแล้วว่าเขาได้ผู้นำตัวจริงมาสู่สโมสรแล้ว

ขณะเดียวกัน ปัญหาหนึ่งที่ อาร์เตต้า กล่าวถึงที่ อาร์เซน่อล คือ การขาดแรงกระตุ้นทั้งสำหรับผู้เล่นและบุคคลอื่นในสโมสร เขาเห็นได้ชัดเจนว่า หลายคนไม่มีแรงจูงใจในการประสบความสำเร็จ ซึ่งทำให้เขาต้องนำความกระกายกลับมาสู่ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม โดยเร็วที่สุด

เช่นเดียวกับผู้เล่นอย่าง แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ อดีตกองหลังชาวเยอรมัน ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าสถาบันเยาวชนของ อาร์เซน่อล และ เฟเดริก ลุงเบิร์ก อดีตปีกชาวสวีเดน ที่รับบทกุนซือขัดตาทัพในช่วงที่ผ่านมาหลัง อูไน เอเมอรี่ โดนปลดจากตำแหน่ง ซึ่งมีความคิดเห็นในแบบเดียวกันกับ อาร์เตต้า

อาร์เตต้า รู้ว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่สนามรบ และคิดว่ามันจะเรื่องดีที่คนอื่นๆในสโมสรก็จะเข้าร่วมรบกับเขา เพราะพวกเขาจะรู้ว่า มันเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อจุดประสงค์ที่ถูกต้อง และยิ่งผู้เล่นร่วมมือกับเขามากเท่าไหร่ บรรยากาศของครอบครัวก็ยิ่งถูกสร้างขึ้น ปัญหาและอุปสรรค ก็จะถูกทำลายลง

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวของสโมสร อาร์เซน่อล ระบุว่ามันเป็นข้อเสนอแนะของ อาร์เตต้า ที่ว่าจะมีห้องหนึ่งถูกสร้างขึ้นสำหรับครอบครัวของผู้เล่น ซึ่งจะรวมตัวกันที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นในตอนจบเกม

บทบาทการเป็นโค้ชอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ อาร์เตต้า ในวัย 37 ปี เริ่มต้นที่ แมนฯซิตี้ โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก กวาร์ดิโอล่า และมันไม่แปลกใจเลยหากเรามองจากการที่ทั้งคู่คุยกันถูกคอมานานก่อนที่ กวาร์ดิโอล่า จะย้ายมาทำงานในอังกฤษเมื่อปี 2016

กวาร์ดิโอล่า คิดอยู่เสมอว่า อาร์เตต้า รู้จักพรีเมียร์ลีกดีกว่าโค้ชคนอื่นของ แมนฯซิตี้ เขาได้รับมอบหมายให้นำพลังงานใหม่ แนวคิดที่แตกต่าง และช่วยในการสื่อสารกับบรรดานักเตะ “เรือใบสีฟ้า” จากนั้นเขาก็มองสิ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทำให้ทีมเสียหาย

อาร์เตต้า ค่อยๆแนะนำการปรับปรุงการเล่นของนักเตะ แมนฯซิตี้ และอิทธิพลของเขาในสโมสรเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของเขาคือ การดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในผู้เล่นออกมาโดยมองหาสิ่งที่ขาดหายไปจากเกมของพวกเขา

โค้ชชาวสเปน มีความสำคัญในการพัฒนา ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกทีมชาติอังกฤษ และ เลรอย ซาเน่ ตัวรุกทีมชาติเยอรมัน ซึ่งทั้งสองยอมรับว่า พวกเขาผ่านการวิเคราะห์วิดีโอ และการพูดคุยในออฟฟิศร่วมกับ อาร์เตต้า เช่นเดียวกับการแก้ไขบางอย่างในการฝึกซ้อม

การเน้นจุดอ่อนในเกมของผู้เล่นอาจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เฟเบียน เดล์ฟ กองกลางชาวอังกกฤษ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ดาวรุ่งชาวยูเครน ต้องถูกจับไปเล่นเป็นฟูลแบ็คเต็มตัว และ แฟร์นานดินโญ่ ห้องเครื่องแซมบ้า ต้องถูกจับไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งทั้ง 3 คน ได้รับประโยชน์จากการแนะนำของ อาร์เตต้า

ขณะเดียวกัน กาเบรียล เฆซุส หัวหอกทีมชาติบราซิล ก็เปิดเผยว่า ได้รับความช่วยเหลือจาก อาร์เตต้า เช่นกัน โดยระบุว่า “เขาช่วยผู้เล่นได้มาก เมื่อผมต้องการให้เขาช่วยหลังจบจากการฝึกซ้อม ผมบอกเขาแล้วเขาก็มาช่วยผมทันที เขายอดเยี่ยมจริงๆ และผู้เล่นทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและโค้ชที่ยอดเยี่ยม”

นอกจากได้รับความไว้วางใจจากนักเตะ แมนฯซิตี้ แล้ว อาร์เตต้า ได้รับความไว้วางใจจาก กวาร์ดิโอล่า ด้วยเช่นกัน โดยก่อนเกมลีกที่พบกับ อาร์เซน่อล นั้น นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” บอกกับ อาร์เตต้า ว่า “ผมเคยได้ยินคุณสอนนักเตะในการฝึกซ้อม ผมจะให้คุณคุยกับลูกทีมในวันนี้ เพราะคุณรู้จัก อาร์เซน่อล ดีกว่าผม จงอธิบายให้พวกเขาฟังว่า พวกเขาต้องทำอย่างไรบ้าง”

อาร์เต้ต้า ได้มาถึงจุดที่เขาพร้อมแล้วอย่างแท้จริง ความรู้เกี่ยวกับ อาร์เซน่อล นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดให้คณะกรรมการสโมสร”ไอ้ปืนใหญ่” แต่งตั้งเขาและเขาจะต้องได้รับประสบการณ์ทุกอย่างจาก กวาร์ดิโอล่า มาอย่างมากมาย

อาร์เต้ต้า เป็นคนใจกว้างและมีหลักการ และหนึ่งในคนที่รู้จักเขาดีกว่าคนส่วนใหญ่คือ อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ อาร์เซน่อล อย่าง ซานติ การ์ซอล่า มิดฟิลด์ชาวสเปน ซึ่งเคยซึ่งได้รับการช่วยเหลือ และได้คำปรึกษาจาก อาร์เต้ต้า เมื่อย้ายมาจาก มาลาก้า

การ์ซอล่า ไม่สงสัยเลยว่า อาร์เต้ต้า พร้อมแล้วกับความท้าทายครั้งใหม่ และเพื่อนสนิทของเขาคนนี้มีความสามารถในการทำงาน ด้านการจัดการทีม และมีโอกาสจะก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือชั้นยอดได้อย่างแน่นอนในอนาคต

การ์ซอล่า กล่าวว่า “มิเคล มีศักยภาพที่จะทำเช่นนั้นได้ และหลายคนที่คิดว่า เขาเป็นมือใหม่ก็จะคิดผิด เขาไม่ได้เป็นคนประเภทที่จะหลบหนีจากการตัดสินใจที่ยากลำบาก และเขาพร้อมเมื่อเขาต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ”

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวระบุว่า การ์ซอล่า, ลุงเบิร์ก และ แมร์เตซัคเกอร์ จะถูกนำมาเป็นทีมงานของ อาร์เตต้า โดย การ์ซอล่า ซึ่งปัจจุบันยังเล่นอยู่กับ บียาร์เรอัล หลังจากบาดเจ็บยาวไป 2 ปีระบุว่า “ในอนาคตใครจะรู้”

“แน่นอน ผมจะต้องทำในสิ่งที่ผมต้องการที่จะทำ และมันก็ถูกต้องที่จะบอกว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ดี และหลายครั้งที่เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่อนาคตจะนำเรามาทำงานด้วยกัน ผมพร้อมความช่วยเหลือเขาเสมอ เพราะเขาเป็นเพื่อนของผม และเพราะทุกสิ่งที่เขาทำเพื่อผมเมื่อผมย้ายมาเล่นในอังกฤษ”

ในที่สุดแน่นอนว่า อาร์เตต้า จะถูกตัดสินจากผลงานเช่นเดียวกับ เอเมอรี่ และ อาร์เซน่อล เชื่อว่าพวกเขามีคนที่เหมาะสมที่จะฟื้นฟูสโมสรกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับ อาร์เตต้า เชื่อว่าเขามีศักยภาพทั้งหมดที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่ชัดเจนก็คือเขาต้องการเวลา

อาร์เตต้า จะถูกตัดสินจากผลงานเช่นเดียวกับ เอเมอรี่