เจาะลึกประวัติ บาร์เซโลน่า เจ้าบุญทุ่มยักษ์ใหญ่แห่งสเปน

เจาะลึกประวัติ บาร์เซโลน่า เจ้าบุญทุ่มยักษ์ใหญ่แห่งสเปน

สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า หรือเรียกสั้นๆว่า บาซ่า สโมสรฟุตบอลอาชีพของประเทศสเปน ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลน่า แคว้นคาตาโลเนีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1899 โดยกลุ่มนักฟุตบอล ชาวสวิสฯ, อังกฤษ ราคาคาตาลัน เกียรติประวัติของสโมสร ได้แชมป์ลาลีกา 25 ครั้ง, แชมป์โกปาเดลเรย์ 30 ครั้ง, แชมป์ Super Copa espana 15 ครั้ง, แชมป์Copa Eva Duarte 3 ครั้ง และแชมป์ Copa de la Liga 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของสติคว้าแชมป์ในรายการยุโรปและในระดับโลกอีกมากมาย เช่น ได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 5 ครั้ง, แชมป์ยูฟ่าคัพ วินเนอร์สคัพ 4 ครั้ง, แชมป์ยูฟ่าคัพ ซุปเปอร์คัพ 5 ครั้ง, แชมป์อินเตอร์ซิตี้ แฟร์ 3 ครั้ง และแชมป์ฟีฟ่าคลับ เวิล์ดคัพ 3 ครั้ง นอกจากนี้พวกเขายังเคยเป็นอันดับ 1 ในด้านประวัติศาสตร์และสถิติของการแข่งขันในสโมสรโลก ในปี 1997, 2009, 2011, 2012 และ 2015 และปัจจุบันก็อยู่ในตำแหน่งที่ 2 ในระดับ UEFA Club Ranking บาร์เซโลน่ามีคู่แข่ง กันมาอย่างยาวนานอย่าง เรอัล มาดริด เวลาที่ต้องคู่แข่งการจะเรียกว่า ศึกเอล คลาซิโอ

ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลน่า แคว้นคาตาโลเนีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1899

บาร์เซโลน่าเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก และยังเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีนักเตะประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโจฮัน ครัฟฟ์ ได้รางวัลบัลลงดอร์, โรนัลโด้,โรมาริโอ้, โรนัลดินโญ่ และริวัลโด้ ได้รับรางวัล FIFA World Player of the year และยังมีนักเตะที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ของสโมสรอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, อันเดรส อิเนียสต้า และฆาบี เฮอร์นานเดช ได้รับรางวัลฟีฟ่าบัลลงดอร์ ซึ่งเป็นอคาเดมี่ฟุตบอลแห่งเดียวในโลกที่สามารถที่มีนักเตะประสบความสำเร็จมากที่สุด บาร์เซโลน่าเป็นหนึ่งในสามผู้ก่อตั้ง Premera division ที่ไม่เคยตกชั้นเลยนะตั้งแต่ปี 1929 อีก 2 ทีมได้แก่แอธเลติก บิลเบาและเรอัลมาดริด ในปี 2009 บาร์เซโลน่าเป็นสโมสรฟุตบอลจากสเปนสโมสรแรก ที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ด้วยการคว้าแชมป์ ลาลีกา, โคปา เดลเรย์ และยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก และยังเป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกที่คว้าแชมป์ 6 รายการภายในปีเดียวกัน โดยได้แชมป์สแปนิช ซุปเปอร์คัพ, UEFA Super Cup, ฟีฟ่าคลับ เวิล์ดคัพ ในปี 2011 ฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีก เป็นครั้งที่ 5 ของสโมสร

1899–1922 : ช่วงเริ่มต้น

วันที่ 22 ตุลาคม 1899 ฮานส์ แกมเพอร์ ได้ลงโฆษณาใน ลอส เดปอร์เตซ ว่าเขาต้องการจะสร้างทีมฟุตบอลขึ้น หลังจากได้รับแรงสนับสนุนในการประชุมที่ ยิมนาซิโอ โซล์ วันที่ 29 พฤศจิกายน เขาก็ได้นักเตะ 11 คนแรก เข้าร่วมสโมสร โดยมี วอเตอร์ ไวล์ด เป็นผู้อำนวยการสโมสร พวกเขาประสบความสำเร็จในช่วงเริ่มต้นและระดับภูมิภาค และในการแข่งขันระดับประเทศ โดยได้แชมป์ Campionat de Catalunya และ Copa del Rey ในปี 1902 พวกเขาได้แชมป์ Copa Macaya และเข้าร่วมการแข่งขัน Copa del rey เป็นครั้งแรก โดยแพ้ต่อ บิซคาย่า 1-2

ปี 1908 ฮานส์ เกมเพอร์ เข้ามาเป็นประธานสโมสร และด้วยความพยายามที่จะรักษาสโมสรแห่งนี้ไว้ เขาจึงพยายามทุกอย่างเพื่อให้สโมสรคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในสนาม การเงิน และในด้านสังคมอีกด้วย หลังจากที่ไม่เคยได้แชมป์เลยจนกระทั่งปี 1905 เขาก็ประกาศต่อที่ประชุมว่า บาร์เซโลน่าจะเป็นทีมที่ไม่มีวันตาย ถ้าไม่มีใครคิดว่าทำได้ เขาจะทำมันให้ดูตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาประสบความสำเร็จ 5 ครั้งในปี 1908 ถึง 1925 ตลอดระยะเวลา 25 ปีของฮานส์ เขาช่วยให้บาร์เซโลน่าประสบความสำเร็จมากมาย สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับสโมสร และมีสนามฟุตบอลเป็นของตัวเอง

วันที่ 14 มีนาคม 1909 พวกเขาย้ายไปที่ Camp de la industria ซึ่งเป็นสนามที่มีความจุ 8000 คน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสนามแห่งใหม่ ได้มีการจัดประกวดโลโก้ใหม่ขึ้น และเป็น คาร์ลส โคมามาลา ที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ และโลโก้สโมสรที่เขาออกแบบนั้นก็ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่สนามแห่งใหม่ บาร์เซโลน่าได้เข้าร่วมการแข่งขัน Pyrenees Cup ซึ่งเป็นการรวมเอาทีมที่ดีที่สุด มาทำการแข่งขันกัน โดยเลือกทีมจากสโมสรจากตอนใต้ของฝรั่งเศส สโมสรจากแคว้นบาสก์และคาตาโลเนีย มาทำการแข่งขันกัน ตั้งแต่ปี 1910 จนถึงปี 1913 บาร์เซโลนาได้คว้าแชมป์ถึง 4 ครั้ง โดยมี คาร์ล โคมามาลา เป็นกำลังหลักของทีมตลอด 4 ปี

วันที่ 14 มีนาคม 1909 พวกเขาย้ายไปที่ Camp de la industria

ในปี 1922 สโมสรได้เปิดรับสมาชิกเพิ่มเติม ซึ่งมีสมาชิกกว่า 20,000 คน ที่สมัครเข้าร่วม ทำให้สโมสรมีการเงินที่ดีขึ้น และสามารถสร้างสนามแข่งแห่งใหม่ คือสนาม เลส คอร์เตซ ที่มีความสุขทุกคนกว่า 30,000 คน ก่อนที่จะขยายเป็น 6 หมื่นคนในปี 1940 หลังจากสโมสรได้แต่งตั้ง แจ๊ค กรีนเวลล์ เป็นผู้จัดการทีมเต็มตัว พวกเขาก็ประสบความสำเร็จมากมาย โดยได้แชมป์ เด คาตาลุนญ่า 7 ครั้ง, โคปาเดลเรย์ 6 ครั้ง และ Pyrenees Cups 4 ครั้ง ซึ่งถือเป็นช่วงยุคทองของสโมสร

1923–1957 : สงครามกลางเมือง

วันที่ 14 มิถุนายน 1925 ในระหว่างการแข่งขันได้มีการ ตอบโต้ระบอบเผด็จการของริเวียร่า ส่งผลให้สนามห้ามทำการแข่งขัน เป็นเวลา 6 เดือน และเกมเพอร์ ถูกกดดันให้ออกจากตำแหน่ง วันที่ 23 มิถุนายนปี 1929 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์สเปน ลีก หลังจากนั้น 1 ปี ปีวัน วันที่ 30 กรกฎาคม 1930 เกมเพอร์ ได้ฆ่าตัวตายหลังจากประสบปัญหาทางด้านการเงินและชีวิตส่วนตัว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสโมสรยังคงทำการแข่งขันอยู่ แต่ประชาชนกำลังสนใจเรื่องการเมืองมากกว่าการแข่งขันในสนาม ทำให้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันลดน้อยลง แต่บาร์เซโลน่า ก็ยังได้แชมป์ เด คาตาลุนญ่า ในปี 1930, 1931, 1932, 1934, 1936 และ 1938

1 เดือนหลังจากสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในปี 1936 วันที่ 6 สิงหาคม โจเซฟ ซันโยล ประธานสโมสร ได้ถูกสังหาร เนื่องจากสนับสนุนพรรคการเมืองอิสระ ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของสโมสรขึ้น ในช่วงหน้าร้อนปี 1937 สโมสรระยองทัวร์ที่ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา นักเตะกว่าครึ่งหนึ่งของสโมสร ได้ทำการขอลี้ภัยไปอยู่เม็กซิโกและฝรั่งเศส ส่งผลให้นักเตะที่เหลือในทีมไม่มีศักยภาพพอที่จะช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้หลังจากนั้น

วันที่ 16 มีนาคมปี 1938 เมืองบาร์เซโลน่าถูกโจมตีทางอากาศ มีประชาชนเสียชีวิตกว่า 3000 คน หลังจากนั้นสโมสรก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนชื่อ เป็น Club de Fútbol Barcelona และให้นำสัญลักษณ์ของแคว้นคาตาลันออกจากโลโก้สโมสร

ในปี 1943 บาร์เซโลน่า เจอกับทีมเรอัล มาดริดในการแข่งขันฟุตบอลโคปา เดลเรย์

ในปี 1943 บาร์เซโลน่า เจอกับทีมเรอัล มาดริดในการแข่งขันฟุตบอลโคปา เดลเรย์ รอบรองชนะเลิศ โดยนัดแรกบาร์เซโลน่าชนะไปก่อน 3 ประตูต่อ 0 แต่ในเกมที่ 2 พวกเขาแพ้ต่อเรอัล มาดริดไป 11 ประตูต่อ 1 มีรายงานจากนักข่าวท้องถิ่น ว่าเกมที่ 2 มีทหารเข้าไปกดดันนักฟุตบอลจากห้องแต่งตัว ทำให้ผลการแข่งขันออกมาอย่างที่เป็น มีสถานะทางการเมืองไม่ค่อยดีนัก แต่ในช่วงปี 1940 ถึง 1950 บาร์เซโลน่าก็ประสบความสำเร็จมากมาย โดยภูเขาได้แชมป์ลาลีกาครั้งแรกในปี 1929 และถ้าอีกครั้งในปี 1948 และ 1949 โดยในปี 1949 พวกเขาได้แชมป์ พวกเขาได้แชมป์ โคปา ลาติน่า อีกด้วย ภายใต้การคุมทีมของ เฟอรฺดินาน เดาซิก และ ลาสโซล พวกเขาช่วยให้ทีมได้แชมป์ 5 รายการ ในปี 1952 ได้แก่ลาลีกา, โคปา เดลเรย์, โคปา ลาติน่า โคปา อีวา เดาร์เต้ และ โคปา มาร์ตินี่ รอสซี่ และในปี 1953 ได้แชมป์ลาลีกา และโคปา เดลเรย์

1957–1978 : สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า

ภายใต้การคุมทีมของคนหนุ่มอย่าง เฮเลนิโอ เฮอร์เรร่า นำทีมคว้าแชมป์ลาลีกา และแฟร์คัพ ในปี 1959 และเป็นสโมสรแรกที่สามารถเอาชนะรีลมาดริดได้ในฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพ รอบเพลย์ออฟ ถึงแม้พวกเขาจะแพ้ต่อทีมเบนฟิก้าในรอบชิงชนะเลิศก็ตาม ในช่วงปี 1960 บาร์เซโลน่าประสบความสำเร็จน้อยมาก โดยเป็นทางเรอัลมาดริดที่ผูกขาดการเป็นแชมป์ลาลีกา อย่างไรก็ตามสโมสรก็สามารถคว้าแชมป์ โคปา เดลเรย์ ในปี 1963 และแชมป์แฟร์คัพ ในปี 1966 โดยในปี 1968 พวกเขาเอาชนะ เรอัลมาดริด ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโคปา เดลเรย์ 1 ประตูต่อ 0 เล่นหลังสิ้นสุดการปกครองระบอบเผด็จการในปี 1974 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น Futbol Club Barcelona และนำสัญลักษณ์เดิมมาใช้อีกครั้ง

ฤดูกาล 1973-74 บาร์เซโลน่าได้เซ็นสัญญากับ โจฮัน ครัฟฟ์ โดยย้ายมาจากอาจารย์ประจำในราคาถึง 920,000ปอนด์ ซึ่งเขาได้ปฏิเสธเรอัลมาดริด เนื่องจากไม่อยากร่วมทีมของ ฟรานซิสโก ฟลังโก้ ที่สนับสนุนการเผด็จการในตอนนั้น ในฤดูกาล 1973-74 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์อีกครั้งหลังจากเอาชนะเรอัลมาดริด 5 ประตูต่อ 0 ที่สนามซานติอาโก้ เบอร์นาบิว และเขาก็ได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปยุโรปในปี 1973 ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา และได้รางวัลอีกครั้งในปี 1974 รวม 3 ครั้งที่ได้รับรางวัลนี้ โดยครั้งแรกเข้าได้ตอนที่อยู่กับทีมอาแจกซ์ ในปี 1971

1978–2000 : ความคงเส้นคงวา

ในปี 1978 โจเซฟ หลุยส์ นูเนซ ได้เข้ามาเป็นประธานสโมสร วันที่ 16 พฤษภาคม 1979 Barcelona คว้าแชมป์ฟุตบอล European Cup Winner Cup เป็นครั้งแรก หลังเอาชนะฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ 4 ประตูต่อ 3 ที่บาเซิล ทำกลางคนดูกว่า 30,000 คน และในปีเดียวกันนี้ สโมสรได้ก่อตั้งโรงเรียนฝึกฟุตบอลขึ้นในชื่อ ลา มาเซีย เดือนมิถุนายนปี 1982 ดีเอโก้ มาราโดน่า ไม่เซ็นสัญญามาร่วมทีมบาร์เซโลน่าด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์จากสโมสรโบค่า จูเนียร์ เขาช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์โคปา เดลเรย์ แต่มาราโดน่าก็อยู่กับทีมได้ไม่นาน หลังจากนั้นก็ย้ายไปร่วมทีมนาโปลี ในฤดูกาล 1984-85 เทอร์รี เวนาเบิ้ลส์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมและช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลาลีกา หลังจากนั้นก็เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพได้เป็นครั้งที่ 2 ก่อนที่จะแพ้จุดโทษต่อทีมสเตอัว บูคูเรสต์

ในปี 1988 โจฮัน ครัฟฟ์ กลับมาที่สโมสรอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม และเขาได้สร้างเรานักเตะชั้นเยี่ยมขึ้นมา ภายใต้ชื่อ ดรีมทีม ประกอบกับเหล่านักเตะที่ได้ฝึกในโครงการลามาเซีย เริ่มขึ้นมาติดชุดใหญ่มากขึ้น ภายใต้การคุมทีมของเขา บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีกาในปี 1991 ถึง 1994 และได้แชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพในปี 1989 เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพในปี 1992 คว้าแชมป์โคปา เดลเรย์ในปี 1990 คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ ซุปเปอร์คัพในปี 1992 และคว้าแชมป์ ซุปเปอร์โคปา อีก 3 ครั้ง รวมพระเลี่ยง 11 รายการ ครัฟฟ์ เธอเป็นเพื่อนกันทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสร และอยู่กับทีมนานถึง 8 ปี แต่ในช่วง 2 ปีสุดท้าย ทีมไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้ครัฟฟ์ต้องออกจากทีมไป แต่สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในทีมคือระบบการเล่น

ในปี 1988 โจฮัน ครัฟฟ์ กลับมาที่สโมสรอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม

ฤดูกาล 1996-97 สโมสรได้แต่งตั้ง บ็อบบี้ ร็อบสัน มาเป็นผู้จัดการทีม โดยเขาได้เซ็นสัญญาโรนัลโด้ มาจาก พีเอสวี ด้วยค่าตัวสถิติโลก และช่วยให้ทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ได้แก่โคปา เดลเรย์, ยูฟ่าคัพ วินเนอร์สคัพ และ ซุปเปอร์โคปา สเปน โดยโรนัลโด้ ทำได้ 47 ประตูจากการลงเล่น 49 เกม หลังจากจบฤดูกาล ร็อบสันได้ออกจากทีมไป และสโมสรได้แต่ตั้งหลุยส์ ฟาล กัล เป็นผู้จัดการทีมแทน หลังจากย้ายมาร่วมทีมได้ไม่นาน โรนัลโด้ก็ย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวสถิติโลก อย่างไรก็ตาม สโมสรให้เซ็นสัญญานักเตะระดับโลกเข้ามาอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ฟิโก้, แพทริคไคลเวิร์ต, หลุยส์ เอ็นริเก้ และริวัลโด้ ในปี 1998 พวกเขาได้แชมป์โคปา เดลเรย์และลาลีกา ในปี 1999 พวกเขาฉลอง 100 ปีสโมสรด้วยการคว้าแชมป์ Primera División และริวัลโด้ ก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป แม้จะประสบความสำเร็จกับการแข่งขันภายในประเทศ แต่ในฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีก พวกเขากลับไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้หลุยส์ ฟาล กัล และนูเนซ ลาออกจากทีมในปี 2000

2000–2008 : ประธานสโมสรคนใหม่ ลาปอร์ต้า

การจากไปของประธานสโมสรและผู้จัดการทีม ไม่ส่งผลกระทบต่อแฟนบอลเท่ากับการย้ายทีมของ หลุยส์ ฟิโก้ ที่ย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับอย่างเรอัล มาดริด ทำให้เวลาพูดกันแฟนบอล หลังจากนั้นสโมสรก็เข้าสู่ยุคตกต่ำโดยไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันเลย จนกระทั่งมีการแต่งตั้ง ฆวน ลาปอร์ต้า เป็นประธานสโมสร เขาได้นำนักเตะชั้นยอดเข้ามาร่วมที่มากมาย ทำไมบาร์เซโลน่ากลับมาคว้าแชมป์ลาลีกา และ ซูเปอร์โคปา สเปน ได้ในฤดูกาล 2004-05 พร้อมการคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า โดยนักเตะในทีมอย่างโรนัลดินโญ่และซามูเอล เอโต้

ในฤดูกาล 2005-06 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลีกและฟุตบอลซูเปอโคปาได้อีกครั้ง ภายใต้การคุมทีมของแฟร้ง ไรการ์ด พวกเขาสามารถเอาชนะเรอัลมาดริดได้ 3 ประตูต่อ 0 ถึงสนามซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ซึ่งถือเป็นผู้จัดการทีมของบาร์เซโลน่าคนแรกที่สามารถเอาชนะเรอัลมาดริด ได้ถึง 2 ครั้ง และในการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก บาร์เซโลน่าเอาชนะอาร์เซนอล 2 ประตูต่อ 1 ทำให้เป็นการชนะในฟุตบอลระดับยุโรปอีกครั้งในรอบ 14 ปี

ในฤดูกาล 2005-06 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลีกและฟุตบอลซูเปอโคปาได้อีกครั้ง

ในฤดูกาล 2007-08 บาร์เซโลน่าได้อันดับที่ 3 ในลาลีกา และได้รองแชมป์ฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีกและโคปา เดลเรย์ สโมสรจึงให้โค้ชจากทีมชุดบี คือเป๊ป กวาร์ดิโอลา ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมแทนแฟรงค์ ไรการ์ด ในวันที่ 30 มิถุนายนปี 2008

2008–2012 : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการที่ชุดใหญ่

หลังจากที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการที่ชุดใหญ่ เขาได้เปลี่ยนรูปแบบการเล่นของทีมใหม่ เป็นระบบการเล่นแบบ ทิกิ ทาก้า ซึ่งเป็นระบบที่เขาใช้ในตอนที่ทำทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่า โดยเขาได้ขายโรนัลดินโญ่และเเดโก้ออกจากทีม และสร้างทีมใหม่ภายใต้การนำของฆาบี้ เฮอร์นันเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า และลิโอเนล เมสซี่ ในปี 2009 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์โคปา เดลเรย์ โดยการเอาชนะทีมแอธเลติก บิลเบา 4 ประตูต่อ 1 ในรอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ลาลีกา โดยการเอาชนะคู่ปรับอย่าง Real Madrid 6 ประตูต่อ 2 ต่อด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 ประตูต่อ 0 ที่สนามเดอะสตาดิโอ โอลิมปิโก ในกรุงโรม และพวกเขายังคว้าแชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ โดยเอาชนะทีมชัคเตอร์ โดเนต เดือนธันวาคมปี 2009 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ FIFA Club World Cup ในปี 2010 พวกเขาได้แชมป์ลาลีกาสเปน โดยทำได้ถึง 99 คะแนน และได้แชมป์ ซูเปอร์โคปา สเปน เป็นครั้งที่ 9 ของสโมสร หลังจากลาปอร์ต้าออกจากสโมสรไปในเดือนมิถุนายนปี 2010 ซานโดร รอสเซลล์ ก็เข้ามาเป็นประธานสโมสรคนใหม่

ในปี 2010 ลิโอเนล เมสซี่ ได้รับรางวัลฟีฟ่า บัลลงดอร์ในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นนักเตะคนที่ 3 จาก โรงเรียนฝึกฟุตบอลลามาเซีย ที่ได้รับรางวัลนี้ โดยก่อนหน้านี้คือ อิเนสต้าและ ฆาบี ในฤดูกาล 2010- 11 เพราะเขาได้แชมป์ฟุตบอลลาลีกาอีกครั้ง ช่วยกันทำได้ถึง 96 คะแนน และคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หลังเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ 3 ประตูต่อ 1 ที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งเป็นการชนะในการแข่งขันระดับทวีปยุโรปเป็นครั้งที่ 4 ของสโมสร ปี 2011 พวกเขาเอาชนะเรอัลมาดริดได้ในการแข่งขันฟุตบอลสเปนซุปเปอร์คัพ ปีเดียวกันนี้พวกเขาได้แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ด้วยการเอาชนะปอร์โต้ 2 ประตูต่อ 0 จนกระทั่งเดือนธันวาคม พวกเขาคว้าแชมป์ Club World Cup โดยเอาชนะซานโตส 4 ประตูในรอบชิงชนะเลิศ ในฤดูกาล 2011-12 บาร์เซโลน่าได้แชมป์ฟุตบอลโคปา เดลเรย์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในแชมเปียนลีก เป๊ป กวาร์ดิโอล่าตัดสินใจลาออกจากทีม และสโมสรได้แต่งตั้ง ตีโต วิลาโนวา ผู้ช่วยผู้จัดการทีมเป็นผู้จัดการทีมแทน เพลงแค่ฤดูกาลแรกของเขา เขาก็นำทีมคว้าแชมป์ลาลีกา โดยทำได้ถึง 100 คะแนน พร้อมกับการคว้าดาวซัลโวของลิโอเนล เมสซี่ ที่ทำได้ถึง 46 ประตูในฟุตบอลลาลีกา วันที่ 19 กรกฎาคม 2012 วิลาโนวา ได้ลาออกจากที่ไปเนื่องจากพบว่าเป็นโรคมะเร็งในลำคอ ก่อนที่เขาจะกลับมาคุมทีมอีกครั้ง หลังจากได้รับการรักษาไปแล้ว 3 เดือน ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน

2014–ปัจจุบัน

วันที่ 22 กรกฎาคม 2013 เจอร์ราโด ตาต้า มาร์ติโน่ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมของบาร์เซโลน่าในฤดูกาล 2013-14 วันที่ 23 มกราคมปี 2014 ซานโดร รอสเซลล์ ลาออกจากการเป็นประธานสโมสร หลังจากที่เขาตัดสินใจขายเนย์มาร์ โจเซฟ มาเรีย บาร์โตมิว เข้ามารับตำแหน่งแทน จนถึงปี 2016 ในฤดูกาล 2014-15 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีกา, โคปา เดลเรย์ และแชมเปียนส์ลีก วันที่ 11 สิงหาคม ประจำฤดูกาล 2015-16 บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนซุปเปอร์คัพ โดยการเอาชนะเซบีย่า 5 ประตูต่อ 4 และคว้าแชมป์ Club World Cup ด้วยการเอาชนะทีมริเวอร์เพลท 3 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม