คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ดาวรุ่งผู้ได้รับความเชื่อมั่นจาก แลมพาร์ด

คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ดาวรุ่งผู้ได้รับความเชื่อมั่น

คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ปีกดาวรุ่งพุ่งแรงของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้รับรางวัลจากความศรัทธาของ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” ซึ่งมันทำให้เขามีโอกาสลงสนามก่อนนักเตะค่าตัว 58 ล้านปอนด์ อย่าง คริสเตียน พูลิซิซ ปีกทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีกา เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ในเกมลีกนัดล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาที่ เชลซี บุกไปถล่ม เซาแธมป์ตัน ถึงสนามเซนต์ แมร์รี่ 4-1 นั้น ฮัดสัน-โอดอย โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเขาเป็นคนแอสซิสต์ให้กับ แทมมี่ อับราฮัม หัวหอกดาวรุ่งชาวอังกฤษ ซัดประตูขึ้นนำเจ้าถิ่นในนาทีที่ 17

นอกจากนี้ ฮัดสัน-โอดอย ยังมีส่วนร่วมกับประตูที่ 3 ของ เชลซี หลังจากที่เขาเป็นคนวิ่งข้ามบอลเพื่อหลอกกองหลัง เซาแธมป์ตัน จากจังหวะที่ มาร์กอส อลอนโซ่ แบ็คซ้ายชาวสเปน เปิดบอลเข้ามาให้กับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ยิงไกลเข้าไปอย่างสวยงาม

จังหวะการเล่นต่างๆเกือบทั้งเกม ฮัดสัน-โอดอย แสดงถึงความไม่เห็นแก่ตัว และความฉลาดในการเล่น รวมถึงยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเลี้ยงลูกฟุตบอล ซึ่งเป็นพรสวรรค์พิเศษของเขา โดยปัจจุบัน ดาวรุ่งรายนี้อายุเพียง 18 ปีเท่านั้น และเขายังคงค้นหาวิธีการเล่นใหม่ๆเพื่อสร้างความประทับใจให้กับทุกคน

แม้ว่าจะเล่นเป็นปีก แต่ ฮัดสัน-โอดอย สามารถเปิดบอลขาดแนวลึกในแดนกลางได้เป็นอย่างดี ซึ่งเห็นได้จากการแอสซิสต์ให้ อับราฮัม ยิงประตูขึ้นนำ เซาแธมป์ตัน โดยลักษณะการเปิดบอลของเขานั้น คล้ายกับที่ เชส ฟาเบรกาส อดีตกองกลาง เชลซี เคยทำเป็นประจำ

เด็กปั้น เชลซี มีสถิติซัดไป 1 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ ในเวลา 220 นาทีในฤดูกาลนี้ ตัวเลขนั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง เมื่อคุณพิจารณาว่าเขาเพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บที่ยาวนาน และสถิติของเขาอาจจะเพิ่มขึ้นกว่านี้หากลูกหลุดเดี่ยวในช่วงเกมครึ่งหลังกับ เซาแธมป์ตัน เป็นประตู

ฟอร์มการเล่นของ ฮัดสัน – โอดอย ได้พิสูจน์แล้วว่า ทำไม แลมพาร์ด ถึงเลือกเขาเข้ามาสู่ทีมชุดแรกของ เชลซี และตัวรุกชาวอังกฤษ ยังแสดงให้เห็นว่า เพราะเหตุใดเขาจึงถูกมองว่าเป็นส่วนสำคัญในอนาคตของพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม”

ย้อนกลับไปเกือบหนึ่งปีที่แล้ว ฮัดสัน – โอดอย ต้องรู้สึกผิดหวังหลังจากที่เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามในยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ อดีตเทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน ของ เชลซี และท่ามกลางความสนใจจาก บาเยิร์น มิวนิค ทีมดังในศึกบุนเดสลีกา นั้น ทำให้เขาขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ขยายสัญญาฉบับใหม่กับ เชลซี ออกไปอีก 5 ปี พร้อมกับคาดว่า น่าจะได้รับค่าเหนื่อยประมาณ 180,000-200,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ และเขาก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ พูลิซิซ ต้องนั่งอยู่ข้างสนาม

แลมพาร์ด ระบุว่าเขาต้องการสร้าง เชลซี ยุคใหม่ที่มีความกระหายบนสนาม และเล่นเกมรุกดุดัน เหมือนกับในเกมที่ลูกทีมของเขาเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไล่ถล่ม กริมส์บี้ ทาวน์ 7-1 ในศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา

นายใหญ่ เชลซี กล่าวหลังจบเกมกับ กริมส์บี้ ทาวน์ ว่า “นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการเขา เราเล่นได้อย่างเหนียวแน่นในแดนกลางและแดนหลัง จากนั้นนักเตะทุกคนช่วยกันเติมเกมรุก มันเป็นทุกอย่างที่ผมต้องการจากนักเตะ”

ฮัดสัน – โอดอย ก็ได้รับโอกาสนั้นแล้ว

แลมพาร์ด กล่าวว่าเขาไม่ได้พิจารณาอายุของผู้เล่น เมื่อเขาเลือกทีมที่จะลงสนาม ซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยให้ผู้เล่นอายุน้อยของ เชลซี มีโอกาสมากขึ้น และ ฮัดสัน – โอดอย ก็ได้รับโอกาสนั้นแล้ว โดยดาวเตะวัย 18 ปี แสดงให้เห็นว่า เขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า

ในความเป็นจริงเกมกับ เซาแธมป์ตัน นั้น ฮัดสัน – โอดอย เลือกที่จะเก็บบอลไว้กับตัวเองเพื่อสร้างจังหวะให้กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น และเขาก็ผ่านบอลอย่างง่ายๆโดยไม่มีการฝืนเล่นยาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่น่าอึดอัดของเกม

แม้จะมีหน้าที่หลักคือ การครอบครองบอล และสร้างสรรค์เกมรุกทางริมเส้นให้กับ เชลซี แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ฮัดสัน – โอดอย มีสถิติอัตราความสำเร็จในการผ่านบอลสูงกว่าเพื่อนร่วมทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” บางคนเสียอีก

มันไม่น่าแปลกใจที่ แลมพาร์ด พอใจในผลกระทบของดาวรุ่งชาวผู้ดี ในฤดูกาลนี้ และแม้แต่ แฟนๆ เชลซี ที่เดินทางมาที่ เซนต์ แมร์รี ต่างก็ปรบมือพร้อมเปล่งเสียงชื่นชม เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 80

ฟอร์มอันสุดยอดของ ฮัดสัน – โอดอย นั้น ส่งผลให้ พูลิซิซ ต้องตกเป็นตัวสำรองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยดาวเตะชาวอเมริกัน ได้ลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดคือ เชลซี เสมอกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-2 เมื่อปลายเดือนสิงหาคม

พูลิซิซ ย้ายมาด้วยความคาดหวังอย่างมากในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ป้ายราคา 58 ล้านปอนด์ บอกว่าเขาจะเป็นคนที่จะมาทดแทน เอเด็น อาซาร์ จอมทัพชาวเบลเยี่ยม ที่ย้ายไปยัง เรอัล มาดริด ในศึกลา ลีกา สเปน

แต่จนถึงเกมกับ เซาแธมป์ตัน นั้น พูลิซิซ พึ่งจะได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองของ ฮัดสัน – โอดอย โดยก่อนหน้านี้ อดีตปีก ดอร์ทมุนด์ ไม่ได้ลงเล่นติดต่อกันนานถึง 4 เกม รวมถึงไม่มีชื่ออยู่ในทีม เชลซี ชุดบุกไปเอาชนะ ลีลล์ 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมาอีกด้วย

พูลิซิซ ให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขารู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้รับโอกาสกับ เชลซี ขณะที่ แลมพาร์ด ระบุว่าแข้งวัย 21 ปี ยังไม่ได้ทำงานหนักพอในการฝึกซ้อม ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถส่ง พูลิซิซ ลงสนามก่อนคนอื่นๆได้

อย่างไรก็ตาม ในเกมกับ เซาแธมป์ตัน ในนาทีที่ 89 พูลิซิซ เป็นคนแอสซิสต์ให้กับ มิตชี่ บาตชัวยี่ กองหน้าชาวเบลเยี่ยม ซัดประตูปิดท้ายให้กับ เชลซี ได้ มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าค่าตัว 58 ล้านปอนด์ของเขานั้น จะยังไม่สูญเปล่า

อดีตปีก “เสือเหลือง” หวังว่าลูกแอสซิสต์ในเกมกับ เซาแธมป์ตัน มันจะเป็นก้าวแรกของการเอาชนะใน แลมพาร์ด เขาจะหวังว่ามันจะทำให้เขาได้รับโอกาสเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการเล่นของ ฮัดสัน – โอดอย ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้นั้น มันเป็นเหมือนการแนะนำว่า พูลิซิซ ต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมเป็นสองเท่าและความคิดของ พูลิซิซ ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงได้ในเร็วๆนี้

ประสิทธิภาพในการเล่นของ ฮัดสัน